วิธีการใช้รับประทานครั้งละ 1 เม็ด พร้อมมื้ออาหารขนาดที่มีวางจำหน่าย30 เม็ดเลขสารระบบอาหารอย 13-1-00449-1-0222 อย่าลืม! เก็บคูปอง ก่อนช้อปนะครับ แบรนด์ SKU 276940285_TH-442542865 รูปแบบสินค้า แบบน้ำ ส่วนผสม Other รุ่น Vitalux Plus with Lutein ประเภทแพคเกจ แพคเดี่ยว จำนวนวันที่ใช้ได้ของตัวสินค้า 30 ประเภทของการรับประกัน ไม่มีการประกัน ดูทั้งหมด >
BLACKMORES LUTEIN VIS แบล็คมอร์ส ลูทีน วิส สูตรนี้มีสารสกัดจากดาวเรือง ซึ่งดอกดาวเรื่องก็ถือเป็นดอกไม้ที่ให้ปริมาณสารลูทีนค่อนขางเยอะค่ะ และยังมีส่วนผสมของน้ำมันปลา ซึ่งมี DHA สามารถที่จะช่วยลดอาการจอประสาทตาเสื่อม ช่วยลดอาการตาแห้ง นอกจากนี้ยังมีซีลีเนียมที่สามารถช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ด้วยค่ะ เม็ดแคปซูลจะเป็นแบบซอล์ฟเจล ขนาดเล็ก ก็เลยทำให้ทานยาได้ง่ายค่ะ แนะนำให้ทานวันละเม็ดพร้อมมื้ออาหาร ส่วนใครที่แพ้อาหารทะเลหรือแพ้น้ำมันปลาให้เลี่ยงค่ะ แบล็คมอร์ส ลูทีน วิส ใน 1 กระปุกมี 60 เม็ด ราคาประมาณ 890 บาท 2. VISTRA BILBERRY EXTRACT PLUS LUTEIN BETA-CAROTENE อาหารเสริมลูทีนจากวิสทร้า มีส่วนผสมของสารสกัดจากบิลเบอร์รี่ ลูทีนและเบต้า-แคโรทีน สามารถช่วยให้ดวงตากรองแสงได้ดีมากขึ้น ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นในที่มืดหรือที่เรียกว่าอาการตาบอดกลางคืนได้ นอกจากนี้ยังมีเบต้าแคโรทีนที่เป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ ทำหน้าที่ในการช่วยบำรุงสายตาได้ค่ะ ส่วนวิธีการทานก็แนะนำให้ทาน 1 เม็ดหลังอาหารค่ะ อาหารเสริมลูทีนจากวิสทร้าใน 1 กระปุกมี 30 เม็ด ราคาประมาณ 500 บาท 3. MEGA WE CARE II CARE BILBERRY EXTRACT เมก้าวีเเคร์ ไอไอ เเคร์ ลูทีน บิลเบอร์รี่ ประกอบไปด้วยลูทีนและสารสกัดจากผลบิลเบอร์รี่ ซึ่งมีสารแอนโทไซยานินเยอะค่ะ สามารถช่วยปกป้องจอประสาทตาจากอนุมูลอิสระต่าง ๆ ได้ มีเบต้าแคโรทีนและสารแคโรทีนอยด์อื่น ๆ เพิ่มมาให้ด้วย สามารถที่จะช่วยลดการเกิดโรคต้อกระจก ช่วยปกป้องสายตาจากแสงสีฟ้าและแสงแดดได้ค่ะ สำหรับสูตรนี้แนะนำให้ทานวันละ 2 เม็ดค่ะ ใน 1 กล่องมี 30 แคปซูล ราคาประมาณ 360 บาท 4.
Dr. Lyn-อาหารเสริมบำรุงสายตา ลูทีน บิลเบอร์รี่ ปริมาณ: 15 แคปซูล สารสกัดหลัก: ลูทีน บิลเบอร์รี่ วิตามินเอ วิตามินบำรุงสายตาที่คิดค้นโดยจักษุแพทย์จากอเมริกา รวบรวมคุณค่าจากธรรมชาติ ที่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพดวงตาให้แข็งแรง เหมาะสำหรับผู้ที่จ้องหน้าจอเป็นเวลานาน ผู้ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดในเวลากลางคืน หรือผู้ที่มีอาการตาพร่ามัว ปวดตา ผ่านการรับรองทางด้านความปลอดภัย สามารถทานได้ทุกวัน คิดค้นโดยจักษุแพทย์จากอเมริกา ช่วยฟื้นฟูสุขภาพดวงตาให้แข็งแรง ผ่านการรับรองทางด้านความปลอดภัย 5.
โอเอ็มจี ซิงค์ Herbitia Biotin Zinc เฮอร์บิเทีย ไบโอตินซิงค์ 1.
แนะนำสินค้าใหม่ นมข้าวโพดและนมอัลมอนด์ 137 ดีกรี และแบรนด์น้องใหม่ Wholly Nuts บริษัท ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ จำกัด ขอแนะนำสินค้าใหม่แบรนด์ 137 ดีกรี 6 รายการ มี 2 ขนาด คือ ขนาด 1 ลิตร ราคา 112 บาท และขนาด 180 มล. ราคา 25 บาท และนมอัลมอนด์แบรนด์ใหม่ ตราโฮลี่นัทส์ มี 2 ขนาด คือ ขนาด 1 ลิตร ราคา 89 บาท และขนาด 180 มล. ราคา 20 บาท นมข้าวโพด สูตรดั้งเดิม ตรา 137ดีกรี ® สูตรลับเฉพาะ 137ดีกรี ® รสสัมผัสครีมนุ่มของนมข้าวโพดที่ทุกคนต้องหลงใหล เนื้อเนียนเหมือนน้ำนม สามารถใส่ซีเรียลรับประทานได้ เจ เหมาะสำหรับผู้แพ้นมวัว และ ผู้แพ้ถั่วเหลือง นมข้าวโพด สูตรซุปผสมผักรวม ตรา 137ดีกรี ครั้งแรก!
อาหารที่มีลูทีนและซีแซนทีน ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น บิลเบอร์รี่ มีสารกลุ่มแอนโธไซยาโนไซด์ (Anthocyanosides) ที่พบได้มากในผลไม้สีม่วง สีแดง และสีน้ำเงิน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ดวงตามีความชุ่มชื้น เพิ่มความแข็งแรงของเส้นเลือดในดวงตา เพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น ลดอาการเมื่อยล้าจากการจ้องจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ และลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อม แหล่งอาหารที่ให้ลูทีนที่ดีที่สุด คือ ผักใบเขียว โดยเฉพาะผักคะน้า มีลูทีนในปริมาณ 4. 8-13. 4 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักผักสด 100 กรัม และผักปวยเล้ง จะมีลูทีน 6. 5-13. 0 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักผักสด 100 กรัม เนื่องจากมีปริมาณลูทีนสูงที่สุด อาจนำมาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนจัดเป็นเมนูอาหารต่าง ๆ เช่น เมี่ยงคะน้า ผัดผักคะน้า ผัดผักปวยเล้ง น้ำปั่นผักคะน้า/ผักปวยเล้ง เป็นต้น น่าจะเป็นผลดีต่อสุขภาพตา ชะลอจอประสาทตาเสื่อมได้ ซีแซนทีนกับลูทีนมักพบด้วยกันเสมอ เพราะเป็นสารประเภทเดียวกัน คือ สารกลุ่มแคโรทีนอยด์ เป็นสารธรรมชาติที่มีในพืชผักผลไม้หลายชนิด นอกจากพบมากในดอกดาวเรือง และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่แล้ว ยังพบในผักคะน้าผักปวยเล้ง ผักบุ้ง ผักกาดหอม ผักโขม แตงกวา กะหล่ำปลี บร็อกโคลี ข้าวโพด ไข่แดง แครอท ถั่วลันเตา ถั่วพิสตาชิโอ ถั่วแขก อะโวคาโด มัสตาร์ด ฟักทอง เป็นต้น
อาการตาล้า ตาพร่า มองเห็นภาพซ้อน บางครั้งเหมือนมีหมอกบังตาตลอดเวลา เริ่มมีการพูดถึงมากขึ้นทั้งคนวัยทำงาน วัยเรียน ทั้ง ๆ ที่ความผิดปกตินี้มักเกิดกับผู้สูงอายุที่ดวงตาเริ่มเสื่อมตามวัย แต่เป็นเพราะพฤติกรรมการใช้สายตาในปัจจุบันที่เปลี่ยนไป ซึ่งพบว่า คนไทยมากถึง 98% ใช้เวลากับสมาร์ทโฟนตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงก่อนเข้านอน (ที่มา ผศ. ดร. เอกราช บำรุงพืชน์ ภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล บรรยายในหัวข้อ "อาหารและโภชนาการสร้างเสริมสุขภาพดวงตา") ที่น่าเป็นห่วงคือเราให้ความสำคัญกับสุขภาพดวงตาน้อยลง ส่งผลให้สุขภาพดวงตาอ่อนแอลง จนอาจลุกลามไปสู่โรคตาบางโรคที่กว่าจะรู้ตัวก็เกือบจะสายเกินไปที่จะรักษาได้ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าสุขภาพดวงตาของเรากำลังมีปัญหา?
Sitemap | udw585.com, 2024